บันทึกรอยยิ้ม
“เพราะเชื่อว่าพลังแห่งการให้คือการแบ่งปันความสุขที่ยิ่งใหญ่”
สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน
ในช่วงวันที่ 17 ถึง 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา พี่พลอยกับพี่เกดและพี่ๆสาขาภาษาไทยได้มีโอกาสไปแจกหนังสือนิทานให้กับน้องๆโรงเรียนบ้านโคก
ตำบลนามาลา จังหวัดเลย ในโครงการ บูรณาการหนังสือนิทานท้องถิ่นและเสริมสร้างทักษะทางภาษาไทย
ซึ่งหนังสือนิทานที่นำไปมอบให้กับน้องๆนั้นเป็นหนังสือที่พวกพี่แต่ละคนทำขึ้นด้วยมือของตัวเอง ร้อยเรียงภาษาด้วยหัวใจเพื่อนำไปมอบให้กับน้องๆโดยเฉพาะ
วันแรกของการเดินทางพวกพี่เตรียมตัวกันแต่เช้าท่ามกลางอากาศที่สดใสและมีหมอกบางๆ พี่ๆทุกคนตื่นเต้นมากกับการออกค่ายครั้งนี้ โดยเฉพาะพี่พลอยกับพี่เกดที่ดูร่าเริงเป็นพิเศษ
และอุปกรณ์จำเป็นที่สุดสำหรับพี่สองคนนอกจากหนังสือนิทานที่จะไปมอบให้กับน้องๆแล้ว
ก็คงจะเป็นกล้องถ่ายรูปนี่แหละที่พี่ทั้งสองขาดไม่ได้ เพราะกล้องถ่ายรูปคือเครื่องบันทึกความทรงจำ
ประสบการณ์ และรอยยิ้มของการไปออกค่ายครั้งนี้
เมื่อรวมตัวกันครบทีมพวกพี่ๆพร้อมทั้งอาจารย์ก็เริ่มออกเดินทาง
พวกพี่ได้แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญต่างๆ ทั้งวัดป่าห้วยลาดและวัดเนรมิตวิปัสสนา
ซึ่งทั้งสองวัดนี้เป็นสถาปัตยกรรมที่สวยงาม มีงานจิตรกรรมฝาผนังที่น่าสนใจมากมายเลยทีเดียว
หลังจากนั้นก็ไปแวะทานข้าวเที่ยงที่ตลาดเทศบาลด่านซ้าย สายตาของพี่สองคนก็มองไปเห็นร้านส้มตำ
ด่านซ้ายจึงรีบตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านและสั่งกับข้าวโดยไม่รีรอ
เมนูมื้อเที่ยงของพี่วันนี้ก็คือส้มตำไก่ย่างและซุปหน่อไม้นั่นเอง การันตีเลยว่าอร่อยมากแบบที่ว่ากินเกลี้ยงเหมือนแมวเลียจานกันเลยทีเดียว
เมื่อเติมพลังเต็มที่แล้วก็พร้อมที่จะออกเดินทางต่อ ในระหว่างการเดินทางพี่ๆก็ได้จับกล่องถ่ายรูปขึ้นมาถ่ายสิ่งต่างๆรอบตัวเพื่อเก็บไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ
ไม่นานก็ถึงจุดหมาย รถสองแถวของพี่ๆเคลื่อนที่เข้าสู่โรงเรียนบ้านโคก
ภาพที่เห็นคือน้องๆทุกคนกำลังตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเองในมุมต่างๆของโรงเรียน
ส่วนพี่ๆเมื่อรถจอดสนิทแล้วก็ช่วยกันขนของลงจากรถ บางคนก็ยังงัวเงียเพราะเพิ่งตื่น
บางคนก็ลั้นลาเฮฮาเพราะร้องเพลงและเต้นบนรถมาตลอดการเดินทาง และหลังจากที่พี่ๆเก็บของใช้ที่นำมาเข้าไว้ในที่พักที่แยกสำหรับชายหญิงเสร็จเรียบร้อยแล้ว
พี่ๆก็ขึ้นรถออกไปเที่ยวสถานที่สำคัญในนาแห้วต่อ
พี่กับพี่พลอยเลือกที่จะนั่งอยู่ท้ายรถ
เพื่อที่จะได้เห็นบรรยากาศระหว่างการเดินทางอย่างชัดเจน
เมื่อรถเคลื่อนตัวออกจากโรงเรียนสองข้างทางที่รถขับผ่านเป็นธรรมชาติที่สวยงามมาก
มีภูเขาเรียงสลับซับซ้อนกันเป็นแนวยาว มีป่าไม้ทุ่งหญ้าที่อุดมสมบูรณ์ และทุ่งนาไร่ข้าวโพดของชาวบ้านที่เรียงรายกันอยู่ข้างทาง
ส่วนถนนนั้นมีทั้งลาดยาง คอนกรีตหรือบางช่วงที่เป็นถนนลูกรัง ทำเอาพี่ๆทุกคนคลุกฝุ่นเป็นโอวัลตินภูเขาไฟกันเลยทีเดียว
ซึ่งสิ่งที่พี่ๆได้เห็นนั้นบ่งบอกถึงวิถีชีวิตของคนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ที่นี่ เป็นภาพที่สวยงามและเป็นช่วงเวลาที่น่าประทับใจมากระหว่างการเดินทาง
เมื่อเวลาใกล้ค่ำ พี่ๆก็กลับมาถึงโรงเรียนและช่วยกันเตรียมกิจกรรมให้น้องๆตามที่วางแผนกันไว้
พี่ๆแต่ละคนก็มีหน้าที่แตกต่างกันไป พี่พลอยมีหน้าที่เป็นพระราชาแสดงละครให้น้องๆดู
ส่วนพี่เป็นตากล้องบันทึกภาพกิจกรรม ระหว่างเตรียมอุปกรณ์จัดกิจกรรมพี่ๆก็มีวิธีผ่อนคลายความเหนื่อยด้วยการส่งตัวแทนแต่ละกลุ่มที่จัดไว้ก่อนมาออกค่าย
ให้ออกมาร้องเพลงเพื่อสร้างความสนุกสนานจนพี่ๆเตรียมอุปกรณ์เสร็จ
หลังจากนั้นก็มีการแข่งขันวอลเลย์บอลที่ถือว่าเป็นกีฬาสร้างความรักความสามัคคี ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปอาบน้ำกินข้าวและพักผ่อนตามอัธยาศัยเก็บแรงไว้สนุกกับน้องๆอย่างเต็มที่ในวันพรุ่งนี้
เมื่อถึงวันจัดกิจกรรม
พี่ๆทุกคนตื่นตั้งแต่ตีห้ามาอาบน้ำเย็นๆ ในตอนแรกพี่ก็ตั้งใจแล้วนะว่าจะไม่อาบน้ำแต่ว่าเพื่อนๆอาบกันหมด
พี่เลยต้องตัดสินใจเอาร่างกายไปปะทะกับน้ำเย็นๆเล่นเอาพี่สั่นไม่หยุดกันเลยทีเดียว
และเมื่อแต่งตัวเสร็จพี่กับเพื่อนอีกสามคนก็ออกไปเดินเที่ยวถ่ายภาพธรรมชาติที่อยู่ใกล้กับบริเวณโรงเรียนระหว่างรอจัดกิจกรรมในกับน้องๆ
และก็มาถึงช่วงเวลาที่พี่สองคนประทับใจมากที่สุด
คือช่วงที่พี่ๆและน้องๆทุกคนทำกิจกรรมร่วมกัน ทั้งเล่นเกม แสดงละคร ร้องเพลง
และเล่านิทานอย่างสนุกสนาน ซึ่งเป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างพัฒนาการทางด้านร่างกายและจิตใจให้กับน้องๆ
บรรยากาศระหว่างทำกิจกรรมเต็มไปด้วยความอบอุ่น รอยยิ้ม
และเสียงหัวเราะจากความสุขของทุกคนที่ได้แบ่งปันให้กันและกัน บางทีพี่เองก็เผลอรู้สึกว่าตนเองได้เปรียบในฐานะตากล้องที่ได้บันทึกภาพรอยยิ้มที่มาจากความสุขของทุกคนไว้เป็นภาพแห่งความทรงจำ
เมื่อมานั่งย้อนดูภาพเหล่านั้นพี่อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ มันวิเศษมากๆเลย ส่วนพี่พลอยสนุกสนานกับการเล่นละครให้น้องๆดู
ถึงแม้ว่าจะเล่นละครซ้ำๆกันหลายครั้งจนทำให้หมดแรงแต่เพื่อแลกกับความสุขของน้องๆต่อให้เหนื่อยมากกว่านี้พี่พลอยก็ไม่หวั่น
และที่เห็นทุกคนจะสนุกสุดๆก็คือละครเรื่องสังข์ทองที่พวกพี่ๆได้เตรียมกันมาแสดงให้น้องๆดู
นอกจากจะทำให้ทุกคนหัวเราะจนน้ำตาเล็ดแล้วนั้นยังแฝงไปด้วยข้อคิดต่างๆอีกด้วย
หลังจากที่สนุกสนานกันอย่างเต็มที่แล้วก็ถึงเวลามอบหนังสือนิทานทั้งหมดให้กับน้องๆ
โดยท่านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พยุงพร ศรีจันทวงษ์ ได้กล่าวรายงานวัตถุประสงค์
และท่านผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านโคกได้กล่าวเปิดโครงการบูรณาการหนังสือนิทานท้องถิ่นและการเสริมสร้างทักษะทางภาษาไทย
พร้อมมอบหนังสือนิทานจำนวน 68 เล่มให้กับทางโรงเรียนบ้านโคกและโรงเรียนบ้านโนนหวาย
มาถึงช่วงสุดท้ายของการออกค่ายครั้งนี้
ตัวแทนของพี่ๆนักศึกษาสาขาวิชาภาษาไทยได้กล่าวขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีที่ได้จัดทำโครงการนี้ขึ้น
ขอบคุณเพื่อนๆนักศึกษาที่มาร่วมแบ่งปันความรู้และรอยยิ้มให้กับน้องๆ
และขอบคุณน้องๆทุกคนที่น่ารักและให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม การได้เห็นรอยยิ้มเสียงหัวเราะของน้องๆเป็นสิ่งที่พี่ทุกคนมีความสุขและเชื่อว่าวันนี้ก็คงเป็นวันที่น้องๆทุกคนมีความสุขเช่นกัน
การแบ่งปันครั้งนี้คงช่วยให้น้องๆได้พัฒนาทักษะทางภาษา ช่วยหล่อหลอมจิตใจให้น้องๆเป็นผู้ให้ในอนาคต
ประสบการณ์ครั้งนี้ทำให้พวกพี่ได้ค้นพบตัวเอง ได้แรงบันดาลใจในการแบ่งปัน
พี่บันทึกรอยยิ้มเหล่านี้ไว้ในความทรงจำในรูปถ่ายของพี่
เมื่อไหร่ที่คิดถึงก็เหมือนเป็นการเติมพลัง
สร้างแรงผลักดันในการพัฒนาทักษะความสามารถของตัวเอง
เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆให้กับสังคมต่อไป...
"เชื่อในสิ่งที่ฝัน แบ่งปันรอยยิ้มให้เธอ"
แล้วเราจะเจอกันอีกครั้ง
ด้วยรักจาก พี่เกด...
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น