วิเคราะห์แก่นเรื่องในวรรณกรรมเรื่องหม้อที่ขูดไม่ออก


แก่นเรื่องในวรรณกรรมเรื่องหม้อที่ขูดไม่ออก
นางสาวเจษรินทร์    ประวันเตา

หม้อที่ขุดไม่ออกเป็นหนึ่งในรวมเรื่องสั้นอัญมณีแห่งชีวิตของอัญชัญซึ่งได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียนหรือรางวัลซีไรต์ ประจำปี พ.ศ. 2533 ผู้เขียนได้นำเสนอ   แก่นเรื่องอันเป็นสารัตถะของเรื่องนี้ผ่านการกระทำของตัวละคร โดยมีลักษณะเป็นแก่นเรื่องแสดงพฤติกรรม
แนวคิดหลักหรือแก่นเรื่องที่ผู้เขียนมุ่งนำเสนอให้ผู้อ่านทราบ คือ อุปนิสัยของมนุษย์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิดหรือการกระทำซ้ำๆ จนเป็นนิสัยถาวรหรือที่เรียกันว่าสันดานนั้นเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้เปรียบเสมือนหม้อที่ขูดไม่ออกเมื่อมีเขม่าควันสีดำติดเกาะแล้วย่อมไม่สามารถทำให้ขาวสะอาดได้ดั้งเดิม เห็นได้ชัดจากพฤติกรรมของตัวละครในเรื่องผู้เป็นสามีมีพฤติกรรมอันไม่พึงประสงค์เป็นคนขี้ตระหนี่ อารมณ์ร้าย กดขี่กระทำกับผู้เป็นภรรยาของตนอย่างทารุณกรรม ไร้ซึ่งความมีเมตตาต่อภรรยาและลูกหรือแม้กระทั่งสัตว์เล็กๆในบ้าน เขาเติบโตขึ้นมาจากครอบครัวของผู้ที่มีฐานะต้อยต่ำแร้นแค้นทั้งทรัพย์สินหรือวงศ์ตระกูล ต้องปากกัดตีนถีบเพื่อต่อสู้ จนไต่ระดับมาเป็นผู้มีฐานะถึงรองผู้จัดการธนาคารได้ ความแร้นแค้นขาดซึ่งครอบครัวญาติพี่น้องคอยอุ้มชูเกื้อหนุน       หล่อหลอมให้เขากลายเป็นคนไร้ความเกื้อกูลผู้อื่น ตระหนี่ขี้เหนียวไม่ยอมเสียเปรียบใคร อารมณ์ร้ายและ ตีค่าทุกสิ่งเป็นเงินตรา
ยกตัวอย่างเช่น  เวลาที่ภรรยาของเขาทำข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเสียหาย เขามักจะด่าทอและทำร้ายร่างกายเหมือนว่าเธอไม่มีชีวิตจิตใจ เพียงแค่การทำหม้อที่เขาซื้อมาไหม้เป็นคราบเขม่าจับ เขาก็ทำร้ายเธอจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
          หล่อนรู้สึกว่าตัวเองถูกลากลู่ถูกังไปที่หน้าต่าง แล้วก็ถูกสามีจับเหวี่ยง
ออกไปกระทบกับหน้าต่างใหม่ได้ยินเสียงเขากระทบบานหน้าต่างมุ้งลวดถ่างออก
โดยแรงแล้วก็กระชากหัวหล่อนออกไปให้พ้นตัวขอบหน้าต่างจนสุดเอว
หล่อนตาเหลือกตาลานด้วยความรักชีวิต แต่ก็สิ้นแรงขัดขืน
                                                                                             อัญชัญ                               
พฤติกรรมเหล่านี้เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเปลี่ยนแปลง แม้นำมาซึ่งความชอกช้ำและความเกลียดชังในตัวเขาสู่ผู้เป็นภรรยามากแค่ไหนก็ตาม ดังแนวคิดที่ว่า “หม้อที่ขูดไม่ออกฉันใดสันดานของมนุษย์ย่อมไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ฉันนั้น” ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้างต้น ในอีกแง่มุมหนึ่งผู้เขียนต้องการนำเสนอแนวคิดเพื่อสะท้อนสังคมในระบบของสังคมไทยสมัยก่อน ว่าด้วยสถาบันครอบครัวนั้น   ผู้ชายมักมีบทบาทหน้าที่และ อำนาจเหนือกว่าผู้หญิง ภรรยานั้นต้องปรนนิบัติและอยู่ภายใต้อาณัติสามี

ยกตัวอย่างเช่น
                             “ชั้นแต่เรื่องใกล้ตัวที่สุดภายในครอบครัว หล่อนก็เป็นฝ่ายเสียสละเพื่อ
ความเป็นช้างเท้าหน้าของสามี ในขณะที่คมขวานจากวาจาเขา เฉือนหล่อนอยู่
เป็นเนื่องนิจกระทั่งชีวิตจิตใจของหล่อนแทบจะโคล่นล้มหลายคราว หล่อนได้อ่อน
ข้อยอมตกเป็นเบี้ยล่างให้สามีมาตลอดขณะที่ได้กินอยู่ด้วยกันอย่างลุ่มๆดอนๆ
เหมือนไม้อ้อคอยเอนลู่ให้กับฝนฟ้าของผัว”                     
                                                                                 อัญชัญ

นอกจากนี้เรื่องหม้อที่ขูดไม่ออกยังสะท้อนให้ผู้อ่านเห็นถึงความแตกต่างของมนุษย์อันเป็นอีกหนึ่งสารัตถะของเรื่อง ปัจจัยต่างๆ ได้แก่ พื้นฐานชีวิต การอบรมเลี้ยงดู สภาพแวดล้อม ประสบการณ์ชีวิตย่อมส่งผลต่อบุคลิกและอุปนิสัยของบุคคล เช่น

          “ฝ่ายหล่อนเติบโตมาจากครอบครัวของคนรุ่นเก่าผู้พอมีอันจะกินจากหลัก
ทรัพย์ที่สะสมตกทอดกันมาหล่อนเป็นลูกสาวคนสุดท้องที่กำพร้าบิดาตั้งแต่เล็กๆจึง
ถูกถนอมอุ้มชูเป็นพิเศษพ้นจากการไต่ตอมของมดแมงและแดดลมฝนฟ้าที่อาจจะนำ
ซึ่งพิษและภัยมาสู่ หล่อนจึงมักคุ้นกับความร่มเย็นเป็นสุขสบายในอัตภาพนั้นจนไร้
ความกระตือรือร้นกับทุกข์สุขอันจะมีมาในภายหน้า”
                                                                                                อัญชัญ
การได้รับการเลี้ยงดูที่อุ้มชูมากเกินไปย่อมก่อมเกลาให้บุคคลนั้นอ่อนแอต่อโลกภายนอก   เมื่อออกมานอนเขตที่เคยอภิบาลของพ่อแม่ จึงไม่สามารถต่อสู้กับด้านมืดในโลกความเป็นจริง   มนุษย์อีกร้อยพ่อพันแม่ที่มีทั้งดีและร้าย จนต้องตกอยู่ในสภาพที่เป็นอันตรายกับตัวเองเพราะไม่สามารถรับมือกับภัยเหล่านั้นได้

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วัยรุ่นไทยกับการอ่าน

คำไทย ๗ ชนิด